อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2022/23 วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2022 อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล สนาม: เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล อาร์เซนอลผ่านการทดสอบสำคัญในพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์นี้ด้วยชัยชนะเหนือลิเวอร์พูล 3-2 เมื่อพวกเขากลับมาเป็นจ่าฝูงของตารางและนำลิเวอร์พูล 14 แต้มในฤดูกาลนี้

อาร์เซนอลทำได้ 3 ประตูจากกาเบรียล มาร์ติเนลลี่และอีก 2 ประตูจากบูคาโย ซาก้า ขณะที่ลิเวอร์พูลได้ประตูจากดาร์วิน นูเนซและโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ สนใจหลังเกมนี้

58 วินาที… อาร์เซนอลเร็วที่สุดที่เคยทำประตูกับลิเวอร์พูล

ประตูแรกของเกมนี้ มันมาจากการยิงของกาเบรียล มาร์ติเนลลี่เพียง 58 วินาที และกลายเป็นประตูที่เร็วที่สุดที่อาร์เซนอลยิงได้กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก

อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล

"กรานิท ชาก้า" คีย์แมนหลักของทีมในฤดูกาลนี้

หาก โธมัส ปาเตย์ เป็นเหมือนคนควบคุมจังหวะของเกมแดนกลางอาร์เซนอล  กรานิท ชาก้า ก็เหมือนเจอกับตำแหน่งที่เหมาะกับเขาอย่างยิ่ง กับการเล่นเป็นเหมือนกองกลางตัวสอดขึ้นมาเพิ่มมิติในเกมรุกให้กับทีม และกลายเป็นหนึ่งในอาวุธลับของทีมในฤดูกาลนี้ ภายใต้ระบบการเล่น 4-1-4-1 ซึ่งมี โธมัส ปาเตย์ กองกลางตัวรับกาน่า เป็นเหมือนผู้คุมจังหวะเกมของทีม และเกมนี้จากการเล่นของชาก้านำมาซึ่งประตูชัยที่มาจากจากการได้จุดโทษอีกด้วย

วินัย-ความขยัน และการเล่นเพรสซิ่งสูงที่ได้ผลในเกมนี้

การเล่นเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบนเป็นการเล่นที่อาร์เซนอลเลือกนำมาใช้แทบทุกเกมเพื่อสร้างโอกาสในการสร้างเกมรุก แต่เกมนี้แม้ว่าจะไม่ได้ฉกฉวยโอกาสอะไรมากนัก แต่ก็กลายเป็นการรบกวนการต่อบอลของลิเวอร์พูลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมซึ่ง ลิเวอร์พูล ต้องการดันเกมรุกเต็มที่ แนวรุกอาร์เซนอลยังคงทำงานหนักเพื่อเบรกชะลอเกมให้ได้มากที่สุด และพวกเขาทำได้ อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล

อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล

การใช้งาน “โทมิยาสุ” กับตำแหน่งแบ็คซ้าย อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล

แนวรับทีมชาติญี่ปุ่นเคยกล่าวว่าเขาสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรับ แต่การเลือกส่งเขาลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายตั้งแต่นาทีแรกของเกม เป็นการเลือกที่น่าประหลาดใจแฟนบอล และคีแรน เทียร์นีย์ แบ็คซ้ายทีมชาติสกอตแลนด์ที่หลุดไปสำรองไม่น้อย

แต่เมื่อจบ 90 นาที ผลงานของแนวรับซามูไร ปิดตายเกมรุกทางขวาของลิเวอร์พูลได้ค่อนข้างชัวร์ อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่กว่าจะผ่านเขาไปได้ก็ไม่ง่าย และด้วยการลงเล่นในตำแหน่งนี้ ทำให้สถานการณ์ของการเล่นตัวจริงภายในทีมของอาร์เซนอล เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยการแข่งขันภายในทีมอย่างยิ่ง

อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล

4-2-3-1 ต่อเนื่องของ เยอร์เก้น คล็อปป์

นายใหญ่ หงส์แดง จัดทัพโดยใช้การขับเคลื่อนในรูปแบบ 4-2-3-1 ต่อเนื่องหลังจากใช้แผนดังกล่าวในการเก็บชัยชนะเหนือ เรนเจอร์ส ในแมตช์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ปักหลักคัดท้ายเคียงข้างกับ ติอาโก้ อัลคันทารา ที่แดนกลางโดยมี ดิโอโก้ โชต้า ขับเคลื่อนเกมรุกด้านหลัง ดาร์วิน นูนเญซ

รูปแบบข้างต้นได้ผลอยู่บ้างในช่วง 45 นาทีแรกแม้จะตกเป็นฝ่ายตามหลังจากการถูกเผาเครื่องฝั่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หากแต่เกมในครึ่งหลังจากที่พวกเขาสามารถตามตีเสมอ เดอะกันเนอร์ส 2-2 สำเร็จกลับรวนไม่เป็นท่า ทีมของ คล็อปป์ ไม่อาจยืนระยะบดบี้เจ้าถิ่นได้ต่อเนื่อง โมเมนตัมของเกมกลับไปอยู่กับฝั่ง ไอ้ปืนใหญ่ พลังของแดนกลางโรยราและถดถอยเมื่อเวลาผ่านไปจนทำนบมาแตกเอาที่สุดจากการเสียลูกจุดโทษให้ ซาก้า สังหารไม่พลาด

แม้นายใหญ่ชาว เยอรมัน จะพยายามแก้เกมโดยส่งไพ่หมดหน้าตักทั้งหมด 5 แข้งสำรองเปลี่ยนลงสนาม ไปจนถึงการปรับมายืน 4-4-2 ช่วงท้ายเมื่อต้องการประตูตีเสมอก็ไม่อาจสร้างแรงกระเพื่อมใดๆ กับเกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ได้

อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล

การโรยราของคีย์แมน หงส์แดง

ไร้ข้อกังขาใดๆ กับศักยภาพในเกมรุกและความสามารถในการผ่านบอลของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่ประสิทธิภาพในเกมรับของแข้งวัย 24 ปีทีมชาติ อังกฤษ รายนี้ยังตกอยู่ในเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ เป็นอีกแมตช์ที่แข้งตัวรุกฝั่งตรงข้ามโดดเด่นต่อเนื่องต่อจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ เมื่อเกมก่อนเมื่อ เทรนท์ ถูก กาเบรียล มาร์ติเนลลี เผาเครื่องเละเทะ

นักเตะคีย์แมนอีกรายของ เร้ดแมชีน ที่หายไปจากเกมอย่างไร้ร่องรอยกลายเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับแบ็คซ้ายชาว ญี่ปุ่น ของเจ้าถิ่นได้แม้แต่น้อย เจ้าตัวดูจะยังไม่สามาถรเรียกฟอร์มการเล่นเก่าๆ กลับมาในยูนิฟอร์ม หงส์แดง ได้จนกระทั่งถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในที่สุด

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลระยะสั้นจะแค่การหลุดฟอร์มชั่วครั้งชั่วคราว หรือเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นอย่างการหมดความทะเยอทะยานจากความอิ่มตัวกับความสำเร็จที่คว้ามาได้ มันคือปัญหาใหญ่ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมที่จะต้องทำทุกทางเพื่อเรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด

คล็อปป์ ยกธงขาวลุ้นแชมป์

ผลจากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ของ ลิเวอร์พูล ทำให้พวกเขารั้งอันดับที่ 10 ของตารางคะแนนหลังผ่าน 8 เกมโดยมี 10 แต้ม ตามหลัง อาร์เซนอล ในตำแหน่งจ่าฝูงที่ช่องว่าง 14 คะแนนเข้าไปแล้วโดย คล็อปป์ ถึงกับให้สัมภาษณ์ยกธงขาวในเส้นทางการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ หงส์แดง เป็นที่เรียบร้อย

สับโจ๊ก”SubJoke”: www.facebook.com

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : subjoke.com

ที่มา : www.sanook.com

Similar Posts